อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ประกอบกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 245 จึงประกาศรายละเอียดการส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษาภาคบังคับ ระดับประถมศึกษา ดังนี้
1. ให้บิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของเด็กที่มีอายุย่างเข้าปีที่ 7 (นับตาม พ.ศ. เกิด) ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร หรือภูมิลำเนาอื่น ให้นำเด็กในความปกครองไปแจ้งการส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาภาคบังคับ ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม (ของปีที่อายุครบ) ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม (ของปีที่เข้าเรียน) ณ สำนักงานเขต หรือสถานที่จัดการศึกษาภาคบังคับแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งส่งเด็กเข้าเรียนตามกำหนดของสถานศึกษา ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนกว่าจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรืออายุย่างเข้าปีที่ 15
2. การแจ้งการส่งเด็กเข้าเรียน และการส่งเด็กเข้าเรียนตามข้อ 1 ให้นำหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่รับสมัครเด็กเข้าเรียน ดังนี้
- สูติบัตร หรือสำเนาสูติบัตร
- ในกรณีไม่มีสูติบัตร หรือสำเนาสูติบัตร ให้ใช้สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- บุคคลที่ไม่ได้สัญชาติไทยในกรณีที่ไม่มีหลักฐานตามข้อ 2.1 และข้อ 2.2 ให้ใช้หลักฐานทางราชการ เช่น หนังสือเดินทาง หนังสือรับรองการเกิด ทะเบียนบ้านของบุคคลที่เข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ทร.13) หรือทะเบียนประวัติบุคคลที่เข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ที่หน่วยราชการสำรวจหรือจัดทำขึ้น
- ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานตามข้อ 2.1 ข้อ 2.2 และข้อ 2.3 ให้บิดาหรือมารดาหรือผู้ปกครองเด็ก จัดทำบันทึกแจ้งทะเบียนประวัติเด็กตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ใช้เป็นหลักฐาน
3. ถ้าบิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของเด็ก ไม่สามารถไปแจ้งสำรวจเด็กที่มีอายุถึงเกณฑ์บังคับต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานเขต หรือสถานศึกษาที่จัดการศึกษาภาคบังคับตามข้อ 1 เพราะป่วยหรือด้วยเหตุอื่นใดก็ดี ต้องให้บุคคลอื่นไปดำเนินการแทนตนโดยแสดงหลักฐานให้ชัดเจน
4. เมื่อบิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของเด็กคนใด ได้รับแจ้งการส่งเด็กเข้าเรียนแล้ว ไม่ส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา ให้ถือว่าไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา 6 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตามมาตรา 13 และผู้ใดกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้เด็กมิได้เข้าเรียนในสถานศึกษาโดยปราศจากเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามมาตรา 15 เว้นแต่ได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 16
5. เมื่อบิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของเด็ก ประสงค์จะขอผ่อนผันให้เด็กเข้าเรียนก่อนหรือหลังเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ให้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาเพื่อพิจารณาต่อไป